ผ้าปูที่นอนบ้านกับผ้าปูที่นอนโรงแรมต่างกันอย่างไร

ผ้าปูที่นอนบ้านรูปแบบมินิมอล

วันนี้เราจะมาพูดถึงข้อถกเถียงว่าผ้าปูที่นอนบ้านกับผ้าปูที่นอนโรงแรมต่างกันอย่างไร ผ้าปูที่นอนโรงแรมถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีสำหรับใช้งานในส่วนของอุตสาหกรรมโรงแรม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้งานในกลุ่มโรงแรมเป็นสำคัญ แน่นอนว่าเนื้อผ้าที่ถูกนำมาใช้ต้องเป็นเนื้อผ้าที่มีคุณภาพดี เช่น ผ้าฝ้าย 100% TC หรือ CVC แน่นอนว่าการเลือกวัสดุดังกล่าวไม่สามารถเลือกแค่ส่วนผสม หากแต่ทั้ง 3 ตัวที่เลือกมาต้องมีความทนทานสูง นอกจากประเภทวัสดุที่กล่าวมา ที่สำคัญอีกอย่างคืนกระบวนการ finishing ซึ่งถ้าเป็นผ้าสำหรับกลุ่มโรงแรมก็จะมีการเลือกใช้สารจากกระบวนการนี้ให้มีความทนทานต่อการยับเพิ่มขึ้น ดูแลง่ายชึ้นนั่นเอง

อีก 1 ข้อดีของผ้าปูที่นอนโรงแรมที่ได้บอกได้แล้วว่าคือ เรื่องของความทนทานต่อการใช้งาน ผ้าปูที่นอนนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานทุกวันเพราะผ้าปูที่นอนโรงแรมนั้นต้องมีการซักตลอดเวลา นอกจากการซักตลอดเวลาแล้วทั้งน้ำยาฟอกขาวที่ค่อนข้างรุนแรง และการรีดที่อุณหภูมิสูง ทั้งหมดที่กล่าวมา

เราไม่สามารถใช้เนื้อผ้าปกติทั่วๆไปที่หาได้ตามท้องตลาดเช่น สำเพ็ง วัดสน มาใช้ได้เลย ลองเทียบกันดูเลยก็จะเห็นว่าจากแหล่งทั้ง 2 แค่ซักเพียงเครื่องฝาหน้าปกติ ไม่ถึง 30 ครั้งก็จะเจอเหตุการณ์ดังนี้ ขึ้นขลุย มีรอยฉีก สีหมอง เป็นที่เรียบร้อย

ในขณะที่ของโรงแรมสามารถซักได้เป็น 100 ครั้ง แถมยังต้องความนุ่มในส่วนที่ควรเป็นของผ้าฝ้ายอีกด้วย สิ่งนี้เองที่แอดมินบอกว่าเนื้อผ้าที่นำมาทำผ้าปูที่นอนนั้นไม่ใช่เลือกเส้นด้ายที่ราคาถูกมาทำได้

นอกจากนี้ข้อดีอีกอย่างของผ้าปูที่นอนโรงแรมคือ แต่ละโรงแรมจะมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละโรงแรมรู้จักกลุ่มลูกค้าของตนเองเป็นอย่างดี ดังนั้นผ้าของโรงแรมแต่ละโรงย่อมออกแบบมาเพื่อการเข้าพักของลูกค้าเป็นอย่างดีเช่นกัน โดยโรงแรมเกรดต่างๆ จะเลือกใช้ขนาดของผ้าที่ต่างกัน และจำนวนเส้นด้ายที่ต่างกัน หรือบางครั้งมีการเลือกใช้เนื้อผ้าเกรดสูงในห้องที่ต้องจ่ายราคาแพงกว่าเพื่อให้คุ้มค่าสำหรับลูกค้าของโรงแรม และประสบการณ์ที่ดีของลูกค้านั่นเอง

ผ้าปูคอตต้อนลินิน 100%

อย่างไรก็ตามเราจะเห็นว่าบางครั้งผ้าปูที่นอนโรงแรมก็มีราคาสูงกว่าผ้าปูที่นอนบ้าน แต่มักจะเกิดกับผ้าที่ต้องมีดีไซน์ หรือต้องเป็นเนื้อผ้าเกรดค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ ซึ่งผ้าประเภทนี้มักจะไม่ค่อยเห็นในบ้านเราสักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมที่อยู่ตามพื้นที่หนาวจัด จำเป็นต้องใช้ผ้าปูที่นอน ผ้านวม ที่เป็นจำพวกขนสัตว์แท้หรือเทียมเป็นหลักให้สร้างความอบอุ่น คราวนี้เรามาพูดถึงผ้าปูที่นอนบ้านกันบ้าง

ผ้าปูที่นอนบ้าน ถูกออกแบบมาให้ใช้ในบ้านและแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องซักบ่อย ไม่จำเป็นต้องซีเรียสเรื่องการหดของเนื้อผ้า (อาจเผื่อไว้แล้ว) ไม่ต้องซีเรียกเรื่องของการจางของลาย หรือไม่จำเป็นต้องซีเรียสเรื่องของความคงทนมากนัก

ผ้าปูที่นอนบ้านเรามักเห็นตั้งแต่ราคาถูกไปยันราคาแพงมากๆ ในส่วนของผ้าปูที่นอนราคาถูกมักไม่สนใจรายละเอียดที่กล่าวมาข้างต้น โดยส่วนใหญ่มักใช้ผ้าจำพวก TC หรือ โพลีเอสเทอร์ 100% ก็มีเพื่อให้ราคาต่ำที่สุด แล้วเคลือบผิวหน้าให้นิ่มเอาก็จะได้ผ้าที่นุ่มและราคาต่ำ

ในขณะที่ผ้าปูที่นอนบ้านที่ราคาแพงมักเลือกใช้เส้นด้ายที่ต่างออกไป ถ้าเป็นฝ้ายก็ต้องเป็นฝ้ายเกรดสูงแต่ไม่เน้นเรื่องความคงทนของการใช้งาน หรือจะใช้เป็นส่วนผสมของไหม ส่วนผสมของไม้ไผ่ ส่วนผสมของลินิน ฯลฯ เพื่อให้คุณสมบัติของผ้าปูที่นอนบ้านที่สำคัญคือ นุ่ม และลื่น แต่จุดด้อยยังคงเป็นเรื่องของการซัก เราจะเห็นว่าผ้าปูที่นอนบ้านของเราที่ราคสูงๆ ซักไม่กี่ครั้งก็จะเจอเหตุการณ์คือ ซีดลง เริ่มมีขลุย มีรอยขาดบ้าง นั่นเป็นเพราะประโยชน์ของในแต่ละอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันนั่นเอง

อีกหนึ่งเรื่องที่จำเป็นต้องกล่าวถึงคือ เรื่องของจำนวนเส้นด้าย เรามักเห็นจำนวนเส้นด้ายของผ้าปูที่นอนบ้านเยอะๆ ตัวเลขบางครั้งสูงมากถึง 1400 เส้นด้าย ในทำนองเดียวกันผ้าปูที่นอนโรงแรมกลับเห็นเพียงไม่กี่ร้อยเส้นด้าย ความแตกต่างอย่างแรกที่แอดมินอยากพูดถึงคือ หน่วยการนับนั่นเอง หน่วยการนับของผ้าปูที่นอนบ้านมักใช้ 10 ตารางเซนติเมตร ในขณะที่หน่วยการนับเส้นด้ายของผ้าปูที่นอนโรงแรมเป็น ตารางนิ้ว ซึ่งจะมีค่าที่แตกต่างกัน ดังนั้นอาจนำมาเทียบกันโดยตรงไม่ได้ (ทั้งนี้แอดมินไม่ได้นำสูตรมาอธิบายให้ดู) ดังนั้นหากเทียบกันตรงๆอาจไม่ถูกต้องสักทีเดียวว่าผ้าปูที่นอนบ้านมีจำนวนเส้นด้ายมากกว่าผ้าปูที่นอนโรงแรม

บทสรุป ในการเลือกใช้ผ้าปูที่นอนบ้านกับผ้าปูที่นอนโรงแรม นั้นมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันตั้งแต่กระบวนการผลิต การเลือกใช้สาร finishing ผ้า หากเราเลือกใช้ผ้าข้ามประเภทกันจะทำให้ได้ข้อดีของอีกฝั่ง แต่แน่นอนก็จะได้รับข้อเสียของอีกฝั่งเช่นกัน ดังนั้นในการเลือกผ้าปูที่นอนแอดมินแนะนำให้ลูกค้าเลือกสิ่งที่เหมาะกับประเภทของการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งเราจะเห็นว่าในปัจจุบันในท้องตลาดมีผ้าที่หลายหลายให้เลือกทั้งในส่วนของลูกค้าโรงแรมเอง หรือลูกค้าตามบ้าน เพื่อให้เราได้ใช้สิ่งที่เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการและได้ประโยชน์จากการออกแบบสำหรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน จะได้ไม่เสียดายเงินนะจ๊ะ เป็นห่วง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *